การสร้างหนังผีของไทย บอกคำเดียวว่าแบ่งเป็นหลายเกรดมากมายๆไม่ว่าจะเป็น หนังเกรด B อย่างบ้านปอบหรือ หนังผีระดับเรื่องราวสุดที่รักๆ
วันนี้พวกเราจะพาทุกท่านไปพบกับ “ทวงคืน” Fearless Love หนังผีรักโรแมนติกรวมทั้งมีทุกแนวเท่าที่จะโผล่ได้หรือ ท่านผู้กำกับ วรเวช ดานุวงศ์ ได้ลงมือเข้าไปแสดงด้วยตัวเอง ซึ่งมันจะดีเยี่ยมถ้าเกิดหนังออกมาดี คุณก็จะดังเปรี้ยง แม้กระนั้นหากหนังออกมาห่วย…ก็ให้คิด ตรงกันข้ามกัน ถึงแม้ จะมีการนำเอา อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา และก็ กวี ตันจรารักษ์ ผู้แสดงฝ่ายชายหญิงพอมีชื่อแห่งยุคมาแสดง…แต่ว่าถ้าหากเรื่องราวไม่รู้จักจะไปทางไหน นักแสดงดีแค่ไหนก็แบกหนังไม่อยู่
เรื่องราวจะเกี่ยวกับ คู่รักยูทูปเบอร์ “ดิน” และก็ “พลอย” เมื่อพวกเขาจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นยังรักกันดี? เพื่องานคอนเทนต์ชิ้นสุดท้ายให้กับบริษัทผู้ผลิตแหวนเพชรรายใหญ่ก่อนจะเลิกราอย่างเป็นทางการ งานนี้ทั้งสองก็เลยยอมกัดฟันแสดงรักปลอมๆทวงคืน
ตำแหน่งยูทูปเบอร์น่าติดตามจนกระทั่งได้ไม่ตั้งใจมาพบกับ “บริบูรณ์” ไลฟ์ผู้ฝึกสอนมีชื่อเสียงที่ใช้ลูกน้อยมาเป็นอุปกรณ์หากิน และก็ตั้งมั่นจะหนีการโดนทวงคืนสิทธิ์เลี้ยงดูจากภรรยา พวกเขาทั้งยัง 3 ก็เลยเป็นไปไม่ได้เลือกนอกจะต้องรวมหัวจมด้านหลังแล้วก็ใช้ประโยชน์ของกันและกันมาทำให้ภารกิจกู้เกียรติศักดิ์คราวนี้สำเร็จลุล่วง
รวมทั้งแล้วช่วงเวลาที่รถยนต์กำลังขับออกนอกทาง ทันทีนั้น “ลุงพล” เวอร์ชั่นไม่มี พ่อแตน ชายลึกลับที่แสนน่าขนลุกก็โผล่พรวดพราดออกมาจากความมืดมน สำเร็จทำให้รถยนต์ได้รับอุบัติเหตุกระทั่งไปต่อไม่ติด คุณลุงพลก็เลยขอสมัครใจที่จะพาทั้ง 3 มุ่งหน้าไปค้างยังบ้านร้างโบราณกึ่งกลางไร่ข้าวโพดอันไกลห่างผู้คน ในขณะที่พวกเขาเริ่มตรวจตัวบ้าน
ความวิบัติได้เข้าเคาะประตูหน้าบ้ายเราเมื่อ ความนึกคิดที่จะกลับวิกฤตให้เป็นโอกาศก็เลือนลางจางหายไป เมื่อได้ประจันหน้ากับ “ขุนไร้มนุษยธรรมยี่ห้อชัย” ผีท่านขุนจอมโหดเหี้ยม รวมทั้งผู้อาศัยในบ้านข้างหลังนั้นทั้งๆที่เห็นรวมทั้งไม่เห็น ซึ่งในตอนแรกพวกเขามีความรู้สึกว่าเรื่องผีหลอกที่บ้านข้างหลังนี้ล้วนมีต้นเหตุจากความฟุ้งซ่าน แต่ว่าเมื่อได้เจอกับการลวงหลอนอย่างไม่รู้จบและก็ได้ทราบว่าทุกคนมีความเกี่ยวข้องกับผีท่านขุนจากชาติที่ผ่านมาที่ใช้เวลากว่าร้อยปีคอยที่จะทวงคืน “บางอย่าง” จากพวกเขา
กลับมาที่หนัง ถ้าหากว่าเมี่ยงคำเป็นเสมือน ออเคสตร้า ในแวดวงของกิน นักเขียนเห็นว่า “ทวงคืน” Fearless Love ก็อย่างกับ ออเคสตร้า แวดวงภาพยนตร์ ที่ถือเอาเครื่องปรุงททุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางแล้วก็ฟุตเทจ กิมไม่กจากหนังระดับตำนานหลายๆเรื่องทำ ยำ….ราวกับเอา แซมมอน ล็อบเตอร์ แล้วก็วากิว มาทำ….ยำ…วอททท
โชคร้ายที่หนังยุคสมัยใหม่….ที่ปัจจุบันนี้มีดีเพียงแค่ ภาพงาม ระบบเสียงดียิ่งขึ้น แต่ว่าเรื่องราว ถอยลงลำคลองเท่ากับ หนังสมัย 2542 (ถ้าหากฉากยุคั้นรู้สึกว่าคงจะดีไม่ก็ว่าบางทีอาจจจะ ถูกพวกหนังผีแบบ นปอบ ตบฉากหน้าเอาก็ได้) ถึงแม้การแสดงของกลุ่มผู้แสดงทั้งผองจะออกจะดีตามมาตรฐาน
นับเรื่องที่โชคร้ายที่ ภาพยนตร์ไทย เริ่มจะแพ้ประเทศเพื่อนบ้านไปทุกครั้งแม้กระนั้น ทวงคืน หลุดพ้นออกมาจากมลทินของจังหวะหนังที่เกือบเลอะเทอะไปได้ ถึงแม้ว่าหนังจะพากเพียรติดต่อในความหมายของชื่อหนังอยู่เรื่อยและตาม แม้กระนั้นก็ยังเป็นเนื้อความที่ยังไม่สามารถที่จะซื้อใจผู้ชมได้อยู่ดี และก็ออกจะน้อยลงรวมทั้งความเด่นไปสักนิดสักหน่อย ก็คุ้มตัว เพียงไปได้ไม่สุด แล้วพอเพียงออกโรงมาราวกับเข้าบ้านผีสิง แล้วมี Mane in black มายกแท่งไฟใส่ ต่อจากนั้น นักเขียนก็ลืมเรื่องของหนังไปหมดเลย