รีวิวหนัง Elvis (2022) เอลวิส ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในปี 1997
“พันเอกทอม พาร์คเกอร์” (ทอม แฮงค์ส) ยุบลงในบ้านของเขา เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในช่วงเวลาที่เขาตาย สำนักข่าวต่างนึกออกว่าเขาเป็นคนโกหก คนโกง แล้วก็คนหลอกลวง “ปาร์คเกอร์” เองเริ่มเล่า เขาทราบว่าถึงแม้ผู้คนจำนวนมากจะวาดรูปเขาเป็นคนร้าย แต่ว่าเขากลับมีความคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มอบราชาที่ร็อกแอนด์โรลให้โลก “เอลวิส อารอน เพรสลีย์” (ออสติน บัตเลอร์)ย้อนกลับไปที่ลาสเวกัสในปี 1970 ที่
โรงแรมอินเตอร์เนชั่นแนล “เอลวิส” แทบยืนไม่ไหว โดยผู้ติดตามของเขาจุ่มหัวลงในน้ำเย็นจัดเพื่อเขาลุกขึ้นยืน “ปาร์คเกอร์” เผยตัวแล้วก็ประกาศว่าสิ่งที่จำเป็นที่สุดคือเอลวิสสามารถขึ้นเขาเวทีนั้นได้ แม้ว่าจะมีความวุ่นวาย แม้กระนั้น “เอลวิส”ก็สามารถลุกขึ้นยืนรวมทั้งแสดง “An American Trilogy” ให้กับฝูงชนที่แปลกใจได้ เวลาที่ “ปาร์คเกอร์” เล่าต่อ เขาก็มองเห็นเขาเดินผ่านคาสิโนที่ว่างเปล่าผู้เดียว ร้านข่าวเดียวกันที่รายงานการตายของ Parker ก็โทษเขาสำหรับสิ่งที่
เกิดขึ้นกับ Elvis แต่เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อการวิงวอนพวกนั้นParker เริ่มต้นเรื่องราวของเขาในตอนกึ่งกลางทศวรรษ 1950 โดยที่เขาซึ่งเป็นผู้อพยพชาวดัตช์ที่ไม่มีเอกสาร ทำงานที่งานคาร์นิวัลให้กับ “Hank Snow” (David Wenham) “Jimmie Rodgers” ลูกชายของ “Hank” (Kodi-Smit McPhee) เผยตัวกับบันทึกที่มีเสียงแบบประเทศ ในตอนที่คนอื่นๆในฝูงชนดูเหมือนจะมักจะทำนองนี้ “Hank” รวมทั้ง “Parker” ไม่คิดว่าเพลงนั้นจะเป็นที่เรียกร้องของตลาดเนื่องจากฟังดูเหมือนกับว่าเพลงที่เล่นโดยชาวแอฟริกัน-อเมริกัน “จิมมี่” บอกพวกเขาว่าเพลงนี้กำลังร้องโดยคนผิวขาว แล้วก็จู่ๆ“ขว้างร์กเกอร์” ก็เริ่มสนใจเรื่องราวจะเป็นอย่างไร