บอกได้เต็มปากกว่า Christopher Nolan ทำให้ The Dark Knight กลายเป็นสุดยอดแห่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหมด
กางทแมนภาคนี้ยังคงเป็นหนังซูเปอร์วีรบุรุษอยู่ แต่ไม่ใช่หนังแฟนตาซีเหนือจริงตามสูตรสำเร็จ แม้กระนั้นมันมาพร้อมภาพสะท้อนให้มีความเห็นว่า “แม้มีซูเปอร์วีรบุรุษในโลกนี้อันที่จริงแล้ว สังคมจะเป็นอย่างไร?” ซึ่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ส่วนใหญ่ลงท้ายด้วยธรรมะชนะอธรรม แม้กระนั้น The Dark Knight ทำให้พวกเราใส่ใจว่าโลกจริงๆสลับซับซ้อนกว่าในการ์ตูน และก็ถึงแม้ว่าจะมีซูเปอร์วีรบุรุษจริงๆก็ใช่จะมีผลให้บ้านเรือนสงบได้อย่างไม่ยากเย็นมันยังมีต้นเหตุอีกเยอะแยะที่จะเปลี่ยนแปลงเคราะห์หามยามร้ายให้แปลงเป็นดี หรือเปลี่ยนตัวดีให้เปลี่ยนเป็นร้าย
ธรรมดาหนังสักเรื่องจะมีไคลแม็กซ์ไม่กี่ฉาก (เพียงแค่ 3 ฉากก็เก่งแล้ว) แต่ว่ากับหัวข้อนี้ทุกฉากมีความหมาย เป็นเสมือนไคลแม็กซ์ย่อยๆมาเรียงต่อกัน บทก็เข้มข้น ดนตรีเหิมใจ ศิลปินก็โคตรยอด (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Heath Ledger ผู้วายชนม์)
สรุปว่าเรื่องนี้จะมองเอามันส์, เอาคุณภาพ, เอาสาระ, เอาไปพินิจพิจารณาสังคม หรือเอาไปวิจัยว่าหนังที่ขึ้นชื่อว่า “ยอดเยี่ยม” ควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ก็ล้วนตอบปัญหาได้ในทุกจุดหมาย… ว่าแล้วจำต้องมองอีกครั้ง